” นักวิยาศาสตร์ที่รักการค้นคว้ายิ่งกว่าชีวิตของตัวเองและเสียชีวิตด้วยรังสีของแร่เรเดียมซึ่งเธอได้คลุกคลีกับมันมาเป็นเวลานาน แร่เรเดียม
ที่นับได้ว่าช่วย ให้คนรอดชีวิตมาเป็นจำนวนมาก กลับทำงานชีวิตของเธอเองอย่างน่าเสียดาย มารี คูรี่ เกิดในประเทศโปแลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 1867
เป็นบุตรีของ ศาสตราจารย์วลาดิสลาฟสโคลโดว์สกา ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์และคำนวณ
ซึ่งเธอได้รับการถ่ายทอดวิชาวิทยาศาสตร์จากบิดามาตั้งแต่เด็ก วิทยาศาสตร์กายภาพมาก จึงได้เดินทางไปไปศึกษาในมหาวิทยาลัยซอร์บอน
ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเมื่ออายุได้ 27 ปี เธอได้รู้จักกับปีแอร์ คูรี่ นักฟิสิกส์และเคมีชาวฝรั่งเศส และได้แต่งงานกันเมื่อปี ค.ศ. 1895 ซึ่งปีแอร ์มีส่วน
ช่วนในการค้นพบ เธอแยกธาตุออกจากแร่พิทช์เบลนน์ได้เป็นส่วนย่อย
ครั้งสำคัญนี้อย่างมากมารี คูรี่ กับสามีได้ทำการทดลองค้นคว้าอย่างไม่หยุดยั้งจนกระทั่งพบธาตุใหม่อีกธาตุหนึ่ง ในขั้นแรกเธอให้ชื่อว่า
โปโลเนียม(Polonium) ซึ่งมีคุณสมบัติทางกัมมันตภาพรังสีอยู่มาก จนต่อมา เธอตัดสินใจเรียกธาติใหม่นี้ว่าเรเดียม (Radium) ซึ่งมีคุณสมบัติสูงกว่ายูเรเนียม
ถึง 2 ล้าน 5 แสนเท่า เรเดียมสามารถแยกก๊าซหรืออากาศได้ และยังทำให้เกิดแสงเรือง มีพลังความร้อน ปีแอร์ และมารี คูรี่
ได้รับการยกย่องในผลสำเร็จครั้งนี้อย่างมาก แม้ในต่างประเทศ เช่นสมาคมวิทยาศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ของอังกฤษ ได้มองเหรียญเดวี่ให้เป็นเกียรติแก่บุคคลทั้งคู่ มารี คูรี่ได้รับรางวัลโนเบลี
สาขาเคมี ในปีค.ศ.1911ในขณะที่บุคคลทั้งสองกำลังรุ่งโรจน์อยู่นั้น เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นในตอนเช้าของวันที่ 19เมษายน ค.ศ.1906
ปีแอร์ คูรี่ สามีของเธอก็ประสบอุบัติเหตุและถึงแก่ความตายทันที ยังความเศร้าสลดใจมาให้แก่มารี คูรี่อย่างสุดซึ้ง แต่ในไม่ช้าเธอก็หวนกลับมาสู่การค้นคว้าผลงาน ของเธอต่อไป
และเกือบจะทำให้เธอทอดทิ้งผลงานต่าง ๆ ที่ทำค้างไว้ทั้งสิ้น ในปี ค.ศ.1934 มารี คูรี่ ก็ล้มเจ็บลงด้วยลักษณะอาการของคนที่มีอาการอ่อนเพลีย
หมดแรงลงอย่างรวดเร็วและถึงแก่กรรม เมื่อเช้าวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1934 แพทย์ตรวจพบภายหลังว่ากระดูกไขสันหลังของเธอถูกทำลายด้วย
รังสีของแร่เรเดียม ซึ่งเธอได้คลุกคลีกับมันมาเป็นเวลานานแร่เรเดียมที่นับว่าได้ช่วยให้คนรอดชีวิตมาเป็นจำนวนมากนั้น กลับทำลายชีวิตของเธอเอง
อย่างน่าเสียดาย